Godzilla ในยุคที่ 2

อาจจะเพราะด้วยความสำเร็จของภาพยนตร์ที่ผู้สร้างบอกว่าเป็นแนวสยองขวัญไซไฟที่ชื่อ Godzilla สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ได้ถูกนำมาสร้างภาคต่อหลายครั้ง เริ่มด้วยการชุบชีวิตให้กับก็อตซิลล่าตัวที่ตายไปด้วยการภาพยนตร์ชื่อ ก็อตซิลล่าอสูรร้ายคืนชีพในปี 1955 จากนั้นก็ตามด้วย godzilla king of the monsters ในปี 1956 และการถ่ายทำแบบเดียวกับภาพยนตร์อุลตร้าแมน ยังคงเอกลักษณ์การที่คนใส่ชุดยางเป็นสัตว์ประหลาดเข้าต่อสู้กันอยู่ เริ่มมีการสร้างตัวละครในตลาดใหม่ๆเอามาต่อกรกับ ก็อตซิลล่า บางครั้งก็เป็นตัวละครที่คุ้นหูคุ้นตาเราอย่าง คิงคองปะทะก๊อตซิลล่า ในปี 1962 การรุกรานของสัตว์ประหลาดจากต่างดาว ในปี 1965 ที่มีการใส่ไอเดียมนุษย์ต่างดาวนำสัตว์ประหลาดมาสู้กับก็อตซิลล่า และอีกหลายภาคจนกระทั่งผู้สร้างมองว่ามันเริ่มแย่ลง ทำให้มีการยุติการสร้างภาพยนตร์ชุดนี้ไป จนกระทั่ง Godzilla ถูกนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งในยุคที่ 2 โดยมีการออกแบบตัวละครหน้าตาใหม่ให้ Godzilla แข็งแรงดุร้ายมากขึ้น งานภาพที่พัฒนามากขึ้นเนื้อเรื่องเรื่องเป็นจริงเป็นจังในฐานะภาพยนตร์สัตว์ประหลาดแนวไซไฟ มากกว่าจะออกไปทางการ์ตูนให้เด็กๆดูอย่างเดียวเหมือนในช่วงปลายยุคแรก มีการจัดวางเนื้อเรื่องให้เชื่อมโยงต่อเนื่องกันเริ่มตั้งแต่ภาคการกลับมาของก็อตซิลล่าในปี 1984 ซึ่งกล่าวถึงการกลับมาใหม่ของก็อตซิลล่าตัวที่ 2 จากนั้นก็เริ่มสร้างภาพยนตร์ในยุคที่ 2 ออกมาเรื่อยๆซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายภาคด้วยกัน พร้อมกับการนำภาพยนตร์ตอนเก่าๆในยุคแรก ทำการรีเมคใหม่ทั้งหมดสภาพรวมทั้งการออกแบบตัวละครสัตว์ประหลาดเดิมให้ดูใหม่น่าติดตามมากยิ่งขึ้น ด้วยความที่มีการวางโครงเรื่องไว้แต่แรกเป็นอย่างดีและเนื้อเรื่องเกี่ยวกับแต่ละภาคก็เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน จะเห็นได้จากมีตัวละครมนุษย์หลายตัวที่มีบทบาทมาตั้งแต่ภาคแรกๆของยุคที่ 2 ถึง โดยบทเด่นที่สุดและมีทุกภาคเลยก็คือบทของสาวน้อยพลังจิต Miki Saegusa วัย 17 ปี ซึ่งออกมาดวลใช้พลังจิตสู้กับ ก็อตซิลล่า เพื่อหยุดยั้งมัน (แน่นอนว่าแพ้) แต่ในภาคอื่น ๆ ก็ยังปรากฏตัวในฐานะนักพลังจิตที่ใช้พลังจิตสื่อสารกับก็อตซิลล่าได้ แสดงโดย Megumi Odaka มารับบทนี้ครั้งแรกในวัย 17 ปี และมีบทไปจนถึงภาคสุดท้ายในปี 1995 ที่ชื่อว่าก็อตซิลล่าถล่มเดสทรอยเยอร์ หรือเราจะคุ้นหูในชื่อไทยว่า ศึกอวสานก็อตซิลล่า โดยกล่าวถึงสัตว์ประหลาดตัวใหม่จะได้ออกแบบมาใหม่และเกิดจากสารเคมีที่ชื่อ Oxygen Destroyer ซึ่งเป็นสารที่ดร.เซริซาว่า ผู้คิดค้นเคยใช้ฆ่า ก็อตซิลล่า ตัวแรกในปี 1954 ดันไปทำให้สัตว์ซึ่งเคยมีขนาดเล็กจนตามองไม่เห็นและนอนอยู่ก้นทะเลเกิดปฏิกิริยากับสารดังกล่าวและพัฒนามาเป็นสัตว์ประหลาดเข้าต่อสู้กับก็อตซิลล่า ที่ตัวกำลังลุกไหม้เผาผลาญตนเองและกำลังจะระเบิด และจบลงตรงที่ Godzilla สามารถฆ่าศัตรูตัวใหม่ตัวนี้ลงได้ หากแต่สุดท้ายมันก็ระเบิดละลายตนเองจากภายใน สมกับที่เป็นสัตว์ประหลาดซึ่งไม่มีใครฆ่ามันได้ยกเว้นตัวของมันเอง เป็นการปิดฉากภาพยนตร์ที่ 2 ของ โตโฮ
Godzilla 2000 กับศตวรรษใหม่
และแล้วกาลเวลาก็ได้เดินทางมาสู่ยุคปี 2000 ยุคแห่งการก้าวข้ามไปยังศตวรรษใหม่ โตโฮ จึงได้ทำการต้อนรับยุคสมัยใหม่ด้วยภาพยนตร์แบบภาคเดียวจบที่ชื่อ Godzilla ตะลุยข้ามศตวรรษ นอกจากงานภาพที่เรียกได้ว่านำเทคนิคใหม่ๆมาใช้แล้วเนื้อเรื่องก็ยังใหม่อีกด้วยเมื่อมนุษย์โลกได้คิดค้นอาวุธใหม่ซึ่งจะสามารถต่อกรกับก็อตซิลล่าได้มันไม่ใช่หุ่นรบขนาดยักษ์ หรือระเบิดรุนแรงแต่อย่างใด หากมันก็คืออาวุธที่เรียกว่าปืนยิง Black Hole โดยมนุษย์โลกสามารถคิดค้นอาวุธที่สร้าง Black Hole ยิงออกไปได้ซึ่งหลุมดำดังกล่าวจะทำการดูดสิ่งต่างๆที่เป็นเป้าหมายให้หายเข้าไปในรูมิติของมัน หากแต่ก็ดันเกิดเรื่องเพราะในระหว่างการทดสอบอาวุธชนิดนี้มันดันไปเปิดมิติให้อสูรร้ายจากต่างมิติบุกเข้ามายังโลกด้วย จึงกลายเป็นการระเบิดศึกสามฝ่ายระหว่าง Godzilla สัตว์ประหลาดจากต่างมิติ และมนุษย์โลก ซึ่งความหวังเดียวของโลกนั่นก็คืออาวุธปืนสร้าง Black Hole เวอร์ชั่นสมบูรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนดาวเทียมเพื่อยิงศัตรูทั้ง 2 ตัวจากบนอวกาศ แค่โครงเรื่องก็น่าชมดูมากแล้วใช่ไหมล่ะ จากนั้นในปี 2002 ก็ได้มีการเอาภาพยนตร์ Godzilla ในภาคปะทะ MechaGodzilla หรือก็อตซิลล่าหุ่นยนต์ ในชื่อเรื่อง ก็อตซิลล่าสงครามโค่นจอมอสูร (2002) ซึ่งจะกล่าวไปถึงการต่อสู้กับก็อตซิลล่าตัวที่ 2 โดยการไปนำเอาโครงกระดูกของก็อตซิลล่าตัวแรกในภาคปี 1954 ซึ่งตายลงด้วยอาวุธ Oxygen Destroyer ของ ดร.เซริซาว่า มาทำการดัดแปลงให้กลายเป็นหุ่นรบชีวภาพหรือไซบอร์ก ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนกระทั่งมีภาคที่ 2 ต่อกันเลยในปีถัดมาในชื่อก็อตซิลล่า 2003 ศึกสัตว์ประหลาดประจัญบาน ซึ่งทั้งสองภาคนี้จะมีเนื้อเรื่องต่อเนื่องกัน จากนั้นเท่านี้ยังไม่พอ โตโฮ ยังปิดท้าย Godzilla ในช่วงยุคปี 2000 ด้วยภาคพิเศษในภาค Godzilla Final Wars (2004) ก็อตซิลล่าสงครามประจัญบาน 13 สัตว์ประหลาด โดยภาคนี้เอาใจแฟน Godzilla แบบสุดๆ เป็นเนื้อเรื่องที่เป็นเอกเทศตนเองไม่ได้อ้างอิงจากภาคอื่นใด หากแต่ได้รวบรวมสัตว์ประหลาดศัตรูตัวฉกาจของก็อตซิลล่าและสัตว์ประหลาดผู้ปกป้องมนุษย์อย่าง มอสธร่า เจ้าผีเสื้อยักษ์ และสัตว์ประหลาดคู่แค้นของก็อตซิลล่าต่างๆรวมแล้ว 13 ตัวด้วยกัน มาปรากฏในภาพยนตร์เรื่องเดียว โดยจะกล่าวถึงองค์กรพิทักษ์โลกซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้และปราบปรามสัตว์ประหลาด ในอดีตหน่วยงานนี้สามารถระเบิดกลบฝัง Godzilla สัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจนไม่อาจฆ่าได้ทำได้เพียงสะกดให้หลับใหลภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง กาลเวลาผ่านไปงานองค์กรนี้ก็พัฒนาไปมากและเจ้าหน้าที่ก็เก่งกาจจนถึงขั้นสามารถถือปืนไปดวลเอาชนะสัตว์ประหลาดอยากได้ และนายทหารชั้นผู้น้อยที่มีหน้าที่กดอาวุธปล่อยยึดระเบิดหิมะฝังกลบก๊อตซิลล่าในอดีต ได้ไต่เต้าเลื่อนขั้นจัดการมาเป็นผู้บัญชาการในปัจจุบัน พวกเขาต้องมาพบศัตรูตัวฉกาจนั่นก็คือมนุษย์ต่างดาวที่มียานอวกาศไฮเทคล้ำยุคซึ่งสามารถเทเลพอตส่งสัตว์ประหลาดเป็น 10 ตัว บุกโลกพร้อมกันจากทั่วทุกมุมโลกได้จนองค์กรแห่งนี้แทบพังทลายลงเพราะสู้ไม่ไหว หนทางสุดท้ายของผู้บัญชาการคนนี้และลูกทีมนั่นก็คือการปลุกให้ราชันย์สัตว์ประหลาดแห่งโลกอย่าง Godzilla ซึ่งเป็นเจ้าถิ่น ตื่นจากการหลับไหลใต้ภูเขาหิมะขึ้นมาไล่จัดการสัตว์ประหลาดภายใต้การควบคุมของมนุษย์ต่างดาวตัวจนหมด ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ฉากแอ็คชั่นของฝั่งมนุษย์ก็ดูสนุกสนาน มีความแฟนตาซีไซไฟและเทคนิคล้ำยุคที่สามารถผสานระหว่างเทคนิคโมเดลจำลองและหุ่นยาง กับการสร้างภาพด้วยเทคนิคสมัยใหม่จากคอมพิวเตอร์ทำให้เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ Godzilla ที่สนุกสนานจริง ๆ